ขั้นตอนจัดทำรายงาน ทส.1-2
06/08/2022
ขั้นตอนจัดทำรายงาน ทส.1-2
06/08/2022
แนวทางการจัดเก็บสถิติ ข้อมูล และการบันทึกที่จัดเก็บจากแหล่งกำเนิดมลพิษ
1) ปริมาณใช้ไฟฟ้าของระบบบำบัดน้ำเสีย (หน่วย) มีแนวทางการจัดเก็บสถิติข้อมูลดังนี้
- กรณีมีการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับระบบบำบัดน้ำเสีย โดยเฉพาะ ให้บันทึกข้อมูลจำนวนหน่วยที่อ่านได้จากมิเตอร์ ไฟฟ้า (รายวัน)
- กรณีไม่ได้ติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าสำหรับระบบบำบัดฯ โดยเฉพาะ ให้คิดปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากอัตราการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์ที่ใช้ ไฟฟ้าทุกชิ้นในระบบบำบัดฯ และระยะเวลาในการใช้งาน อุปกรณ์นั้นในแต่ละวัน คำนวณเป็นปริมาณการใช้ไฟฟ้าใน แต่ละวัน
- บันทึก " - " กรณีไม่มีการใช้ไฟฟ้า เช่น เป็นระบบบำบัด น้ำเสียแบบธรรมชาติหรือใช้น้ำมัน เป็นต้น
- ปริมาณการใช้น้ำ ทุกกิจกรรมใน แหล่งกำเนิดมลพิษ (ลบ.ม.) มีแนวทางการจัดเก็บสถิติ ข้อมูล ดังนี้
ก. กรณีใช้น้ำประปาทั้งหมดและมีการติดตั้งมาตรวัดน้ำของ แหล่งกำเนิดโดยเฉพาะให้บันทึกข้อมูลปริมาณการใช้น้ำจาก ตัวเลขที่อ่านได้จากมาตรวัดน้ำของแต่ละวัน
ข. กรณีไม่ได้ติดตั้งมาตรวัดน้ำของแหล่งกำเนิดโดยเฉพาะ ให้เก็บข้อมูลปริมาณการใช้น้ำจากอุปกรณ์ที่กักเก็บน้ำใช้ ซึ่ง ทราบปริมาตรที่ชัดเจน เช่น แท็งก์น้ำ และสำหรับแหล่งกำเนิดใดที่แหล่งน้ำใช้บางส่วนมีการติดตั้ง มาตรวัดน้ำ และบางส่วนไม่มีมาตรวัดน้ำ ให้ใช้แนวทางการเก็บ ข้อมูลตามข้อ 1) และ 2) รวมกัน
ค. กรณีไม่มีทั้งมาตรวัดน้ำ และไม่สามารถเก็บข้อมูลตามข้อ 2) ได้ ให้ประเมินปริมาณการใช้น้ำในแต่ละวันจากอัตราการใช้น้ำเฉลี่ย ของแหล่งกำเนิดนั้นๆ เช่น กรณีสถานที่เลี้ยงสุกรประเมินโดยใช้ ค่าเฉลี่ยอัตราการใช้น้ำของสุกรแต่ละชนิด (คพ., 2553) ดังนี้
- สุกรพ่อ - แม่พันธุ์ 0.092 ลบ.ม/ตัว/วัน
- สุกรขุน 0.048 ลบ.ม./ตัว/วัน
- สุกรอนุบาล 0.032 ลบ.ม/ตัว/วัน
ทั้งนี้ ในการจัดเก็บสถิติ ข้อมูลให้ใช้แนวทางตามข้อ 1) เป็น หลัก ถ้าไม่มีข้อ 1) ค่อยเลือกใช้แนวทางตามข้อ 2) และ 3) ตามลำดับ
2) ปริมาณน้ำเสียที่เข้าระบบบำบัดน้ำเสีย (ลบ.ม.) มีแนวทางการจัดเก็บสถิติข้อมูลดังนี้
- คำนวณจากความเร็วของการไหลในรางน้ำเสีย โดยใช้ เครื่องวัดอัตราการไหล (Flow Meter) และการติดตั้งเวียร์ (Weir)
- กรณีมีการสูบน้ำเสียเข้าระบบฯ สามารถเก็บข้อมูลจากขนาด ของเครื่องสูบน้ำและระยะเวลาที่ใช้ในการสูบน้ำเสียในแต่ละวัน
- ดูจากเอกสารการออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียว่าระบบฯ มี ความสามารถในการรองรับน้ำเสียได้เท่าไร และปัจจุบันมีน้ำเสีย เข้าระบบเท่าไร (กรณีนี้กิจกรรมที่ก่อให้เกิดน้ำ เสียของ แหล่งกำเนิดจะต้องไม่แตกต่างจากตอนออกแบบระบบๆ) ทั้งนี้ หากไม่สามารถจัดเก็บข้อมูลตามข้อ 1) - 3) ได้ อนุโลมให้ ใช้การประเมินโดยใช้ค่าเฉลี่ยอัตราการเกิดน้ำ เสียของ แหล่งกำเนิดนั้นๆ เช่น กรณีสถานที่เลี้ยงสุกรประเมินโดยใช้ อัตราการเกิดน้ำเสียของสุกรแต่ละชนิด (คพ., 2553) ดังนี้
- สุกรพ่อ - แม่พันธุ์ 0.046 ลบ.ม./ตัว/วัน
- สุกรขุน 0.024 ลบ.ม./ตัว/วัน
- สุกรอนุบาล 0.020 ลบ.ม/ตัว/วัน
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- มาตรา 55 กำหนดมาฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดสำหรับควบคุมการระบายน้ำทิ้ง
- มาตรา 69 กำหนดประเภทของแหล่งกำเนิดมลพิษที่ต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำทิ้งหรือของเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ
- มาตรา 70 กำหนดให้เจ้าของหรือผุ้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษที่กำหนดมาตรา 69 มีหน้าที่ต้องก่อสร้างติดตั้งหรือจัดให้มีระบบบำบัดหรือระบบกำจัดของเสีย
- มาตรา 80 เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษซึ่งมีระบบบำบัดน้ำเสียหรือระบบกำจัดของเสีย เป็นของตนเองมีหน้าที่ต้องเก็บสถิติและข้อมูล ซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบหรืออุปกรณ์ เสนอต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นแห่งท้องที่ที่แหล่งกำเนิดมลพิษนั้นตั้งอยู่
- มาตรา 81 เจ้าพนักงานท้องถิ่นรวบรวมรายงานที่ได้รับตามมาตร 80 ส่งไปให้เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ
บทกำหนดโทษตามมาตรา 80
- มาตรา 104
เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 71 72 74 75 หรือ 80 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- มาตรา 106
เจ้าของหรือผุ้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ ผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสียหรือกำจัดของเสียผู้ใดไม่จัดเก็บสถิติ ข้อมูล หรือไม่ทำบันทึกหรือรายงานตามมาตรา 80 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- มาตรา 107
ผู้ควบคุมหรือผู้รับจ้างให้บริการ แสดงข้อความอันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ผี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่มา : สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 9 (อุดรธานี)