บทความ

การตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่การทำงาน มาตรฐานใหม่
08/08/2023

การตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่การทำงาน มาตรฐานใหม่
08/08/2023

การตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่การทำงาน มาตรฐานใหม่

การตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่การทำงาน มาตรฐานใหม่
การตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่การทำงานเพื่อเป็นการตรวจสอบค่าความเข้มแสงสว่างให้อยู่ในค่าที่ปลอดภัยต่อการทำงานของผู้ปฏิบัติงานซึ่งในจุดการทำงานที่แตกต่างกันค่ามาตรฐานแสงสว่างก็จะแตกต่างกันไปตามลักษณะของงานที่ทำโดยค่ามาตรฐานของแสงสว่างในพื้นที่การทำงานจะต้องไม่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ นอกจากการตรวจวัดแสงสว่างเพื่อตรวจสอบค่าความเข้มของแสงสว่างในพื้นที่การทำงานแล้ว ยังเป็นการเฝ้าระวังด้านสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานด้วย เพราะแสงสว่างมีผลต่อการมองเห็น หากน้อยเกินไปหรือจ้าเกินไป ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานได้เช่นกัน ซึ่งในกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559 ให้ความหมาย ไว้ดังนี้ “ความเข้มของแสงสว่าง” หมายความว่า ปริมาณแสงที่ตกกระทบต่อหนึ่งหน่วยตารางเมตร ซึ่งในประกาศนี้ใช้หน่วยความเข้มของ แสงสว่างเป็นลักซ์ (lux)

  1. ความถี่ในการตรวจแสงสว่าง
    ในการตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่การทำงานตามกฎกระทรวงกําหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการและดําเนินงานด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับความร้อนแสงสว่างและเสียง พ.ศ. 2559 กำหนดให้ต้องตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับแสงสว่างอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ ในกรณีที่มีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรอุปกรณ์กระบวนการผลิตวิธีการทำงานรวมถึงการดำเนินการใดๆที่อาจทำให้ค่าความเข้มของแสงสว่างเปลี่ยนไปก็ต้องตรวจวัดเพื่อดูว่าค่าความเข้มแสงสว่างเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หากไม่ผ่านตามมาตรฐานต้องรีบแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานหรือบางสถานประกอบกิจการอาจจะกำหนดให้ตรวจสอบทุกๆ 6 เดือน เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง เพราะเมื่อระยะเวลาผ่านไปประสิทธิภาพของการส่องสว่างของหลอดไฟก็จะลดลงตามไปด้วย
  2. จุดที่ต้องตรวจวัดแสงสว่าง
    ทุกประเภทกิจการจะต้องตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง ในบริเวณพื้นที่ทั่วไป บริเวณการผลิต และบริเวณที่ใช้สายตามองเฉพาะจุดหรือต้องใช้สายตาอยู่กับที่ในการทำงาน ซึ่งแต่ละพื้นที่มีรายละเอียดการตรวจวัดดังนี้
    • พื้นที่ทั่วไปและบริเวณการผลิต ให้ตรวจในแนวระนาบสูงจากพื้น 75 เซนติเมตร
    • พื้นที่ทั่วไปที่มีการสัญจรในภาวะฉุกเฉินใต้ตรวจตามแนวเส้นสัญจรในแนวระนาบที่พื้นผิวทางเดิน
    • พื้นที่ที่ลูกจ้างต้องทำงานโดยใช้สายตามองเฉพาะจุดหรือใช้สายตาอยู่กับที่ให้ตรวจวัดในจุดที่สายตาตกกระทบชิ้นงานหรือจุดที่ทำงาน
    ในการตรวจวัดค่าความเข้มแสงสว่างในบางจุดการทำงานจะต้องนำค่าที่ได้ไปคำนวณตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ก่อนจึงจะนำค่าไปใช้ได้ และเมื่อได้ค่าความเข้มแสงสว่างจะต้องนำมาเทียบตาม ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง ว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
  3. ใครเป็นผู้ตรวจวัดแสงสว่าง
    การตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่การทำงาน หากสถานประกอบกิจการมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ จป วิชาชีพ ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ แต่เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจต้องถูกต้องตามที่กำหนด แต่หากไม่สามารถดำเนินการเองได้ ต้องให้ผู้ที่ขึ้นทะเบียนตามมาตรา 9 หรือนิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางาน พ.ศ.2554 เป็นผู้ดำเนินการ
  4. มาตรฐานเครื่องวัดแสง
    ในการตรวจวัดค่าความเข้มแสงสว่างต้องใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งในส่วนของประเทศไทย กำหนดมาตรฐานเครื่องตรวจวัดแสงสว่างไว้ดังนี้
    • CIE 1931 ของคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยความส่องสว่าง (International Commission on Illumination)
    • ISO/CIE 10527 หรือมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า เช่น JIS
    ซึ่งก่อนเริ่มการตรวจวัดต้องปรับให้เครื่องวัดแสงอ่านค่าที่ศูนย์ (Photometer Zeroing) และจะต้องตรวจวัดในสภาพการทำงานปกติและในช่วงที่มีแสงสว่างตามธรรมชาติน้อยที่สุด
  5. มาตรการความปลอดภัยตามกฎหมาย
    กฎกระทรวง กําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559 หมวด 2 แสงสว่าง

    ข้อ 4 นายจ้างต้องจัดให้สถานประกอบกิจการมีความเข้มของแสงสว่างไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่อธิบดีประกาศกําหนด (ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง)

    ข้อ 5 นายจ้างต้องใช้หรือจัดให้มีฉาก แผ่นฟิล์มกรองแสง หรือมาตรการอื่นที่เหมาะสมและเพียงพอเพื่อป้องกัน มิให้แสงตรงหรือแสงสะท้อนจากแหล่งกําเนิดแสงหรือดวงอาทิตย์ที่มีแสงจ้าส่องเข้านัยน์ตาลูกจ้างโดยตรงในขณะทํางาน ในกรณีที่ไม่อาจป้องกันได้ ต้องจัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามที่กําหนดตลอดเวลาที่ทํางาน

    • งานที่มีแสงตรงหรือแสงสะท้อนจากแหล่งกําเนิดแสงหรือดวงอาทิตย์ที่มีแสงจ้าส่องเข้านัยน์ตาโดยตรง ให้สวมใส่แว่นตาลดแสงหรือกระบังหน้าลดแสง

    ข้อ 6 ในกรณีที่ลูกจ้างต้องทํางานในสถานที่มืด ทึบ และคับแคบ เช่น ในถ้ำ อุโมงค์หรือในที่ที่มีลักษณะเช่นนายจ้างต้องจัดให้มีอุปกรณ์ส่องแสงสว่างที่เหมาะสมแก่สภาพและลักษณะงาน โดยอาจเป็นชนิดที่ติดอยู่ในพื้นที่ทํางานหรือติดที่ตัวบุคคลได้ หากไม่สามารถจัดหาหรือดําเนินการได้ ต้องจัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามที่กําหนดตลอดเวลาที่ทํางาน

    • งานที่ทําในสถานที่มืด ทึบ และคับแคบ ให้สวมใส่หมวกนิรภัยที่มีอุปกรณ์ส่องแสงสว่าง

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  1. กฎกระทรวง กําหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดําเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2559
  2. ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการทํางานเกี่ยวกับระดับความร้อน แสงสว่าง หรือเสียง รวมทั้งระยะเวลาและประเภทกิจการที่ต้องดําเนินการ
  3. ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง

ที่มา : จป today