โรงงานสิ่งทอพลาสติกนครปฐม เกิดสารเคมีรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อประชาชน
17/08/2023
โรงงานสิ่งทอพลาสติกนครปฐม เกิดสารเคมีรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อประชาชน
17/08/2023
โรงงานสิ่งทอพลาสติกนครปฐม เกิดสารเคมีรั่วไหล ส่งผลกระทบต่อประชาชน
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากการได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ ตำบลขุนแก้ว ได้รับกลิ่นเหม็นคล้ายสารเคมี ในช่วงเข้าวันนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับทราบและมีข้อสั่งการ ให้ คพ. ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบให้การสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหน่วยปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (ศปก.พล.) (กองจัดกการกากของเสียและสารอันตราย กองตรวจมลพิษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ 5-6) ร่วมลงพื้นที่
จากการเข้าตรวจสอบพบว่าที่เกิดเหตุ คือ โรงงานบริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ทะเบียนโรงงานเลขที่ 3-22(1) -4/34 นฐ ประกอบกิจการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์และเส้นใยประดิษฐ์ กำลังเครื่องจักร 72,824.88 แรงม้า ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 35/8 หมู่ 4 ถนเพชรเกษม ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
นายอรรถพล กล่าวว่า เกิดเหตุเวลาประมาณ 06.00 - 06.15 น. สามารถปิดวาล์วได้ในเวลา 06.35 น.สารที่รั่วไหลเป็นน้ำมันร้อน (Hot oil down term) รั่วไหลซึ่งเป็นสารแลกเปลี่ยนความร้อนของระบบหล่อเย็น (cooling) (เป็นสารกลุ่ม อะโรเมติกเบนชิน ชนิด ไบฟีนิล และ ไดฟีนิลออกไซด์ 75%) รั่วไหลบริเวณระบบการผลิตเม็ดพลาสติกของโรงกลั่นพลาสติก แพลนท์ 2 ประมาณ 30 ลิตร สารมีน้ำหนักเบา จึงลอยไปได้ใกล ผลกระทบของสาร การหายใจเอาไอระเหยเข้าไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจ ทั้งนี้ ได้แนะนำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล และควรอยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก และจากการตรวจสอบคุณภาพอากาศ โดย ศปก.พล.ตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณใต้ลมและบริเวณที่ได้รับผลกระทบในระยะ 1-20 กิโลเมตรจำนวน 6 จุดพบว่า
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว สามารถควบคุมการรั่วไหลของสารเคมีได้ และไม่มีผลกระทบใด ๆ เพิ่มเติ่ม ทางด้านผู้ดูแลโรงงานขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมจะเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการปิดรอยรั่วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุ รวมถึงผลกระทบของการรั่วไหลของสารเคมีเบื้องต้นอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม ได้มีคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการบางส่วน จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขแล้วเสร็จ พร้อมคำตรวจรับรองโดยวิศวกรก่อนเปิดใช้งาน ส่วนโรงเรียนโดยรอบที่วันนี้มีการประกาศหยุดการเรียนการสอน พรุ่งนี้ก็สามารถกลับมาเปิดได้ตามปกติ แต่หากระหว่างนี้มีสารเคมีรั่วไหลอีก แนะนำประชาชน ต้องปิดประตูบ้านและหน้าต่างให้เรียบร้อย ป้องกันกลิ่นเข้าไปในบ้าน และควรงดออกมาข้างนอกหรือสวมหน้ากากอนามัย และหากมีอาการแสบ แพ้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
สารกลุ่มอะโรมาติกเบนซิน อันตรายแค่ไหนเมื่อสูดดม
นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ให้ข้อมูลความปลอดภัยของสารกลุ่มอะโรมาติกเบนซีนว่า เมื่อสารดังกล่าวถูกความร้อนจะกลายเป็นสารไฮโดรคาร์บอนลอยไปได้ไกล หากหายใจเข้าไปจะมีอาการมีนงง เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ อาเจียน ทำลายถุงลมปอด มีผื่นคันตามผิวหนัง ถ้าได้รับในระดับที่มีความเข้มข้นมากอาจทำให้เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้
ศูนย์บริหารความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (COSHEM) มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลเพิ่มว่า จากกาศึกษาข้อมูลความปลอดภัยของสารเคมี (Safety Data Sheet) พบว่าสารที่รั่วไหลเป็นของเหลวที่ใช้ในการให้ความร้อน หากได้รับสัมผัสโดยตรงผ่านการสูดดม อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดหัว คลื่นไส้ หรือหากได้รับส้มผัสผ่านผิวหนังและดวงตาโดยตรง อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ หากมีอาการแสดงในลักษณะดังกล่าวให้เคลื่อนย้ายผู้ได้รับสัมผัสไปยังที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ หรือหากมีอาการรุนแรงขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ และสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่หรือบริเวณใกล้เคียงดังกล่าว ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร
ที่มา : กรมควบคุมมลพิษ, BBC News
สาระน่ารู้
การเรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลที่ถูกต้อง จะช่วยให้สามารถเอาตัวรอดจากเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ต่างๆได้อย่างปลอดภัย โดยสามารถปฏิบัติได้ดังนี้
กรณีถ้าอยู่ในรถ ให้หาที่จอดรถริมข้างทางในพื้นที่ร่มซึ่งดูแล้วปลอดภัยมากที่สุด ดับเครื่องยนต์ เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับความร้อนสูง และปิดประตูหน้าต่างรถให้มิดชิด พร้อมเปิดวิทยุรับฟังข่าวสารหรือคำแนะนำในการปฏิบัติตน และรอจนกว่าจะได้รับแจ้งให้สามารถใช้เส้นทางได้ตามปกติ จึงค่อยขับรถออกจากบริเวณดังกล่าว
กรณีถ้าอยู่ในอาคาร ให้รีบปิดประตู และหน้าต่างอาคารให้มิดชิด หากได้รับแจ้งว่าสารเคมีที่รั่วไหล เสี่ยงต่อการจะเกิดการระเบิดให้ปิดมู่ลี่ และผ้าม่านที่หน้าต่าง เพื่อป้องกันสะเก็ดระเบิด ปิดระบบระบายอากาศภายในอาคารทั้งหมด เช่นพัดลมและเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความร้อน เป็นต้น จากนั้นให้เข้าไปหลบอยู่ในพื้นที่ด้านในสุดของอาคาร ที่มีประตู และให้นำถุงพลาสติกหรือผ้าชุบน้ำ อุดปิดช่องประตู หรือถ้าเป็นไปได้ให้ใช้เทปและแผ่นพลาสติกปิดคลุมหน้าต่างและช่องระบายอากาศ พร้อมโทรแจ้งหน่วนงานที่รับผิดชอบ หรือให้ความช่วยเหลือ
กรณีอยู่ในพื้นที่ ที่เกิดสารเคมีรั่วไหล ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ที่มีสารเคมีรั่วไหลโดยเร็วที่สุด ใช้ผ้าสะอาดปิดจมูก เพื่อป้องกันการสูดดมสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย พยายามหนีออกไปอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทสะดวก โดยให้วิ่งไปทางด้านเหนือลม หรือที่สูง จากนั้นเมื่อปลอดภัยแล้ว ให้รีบแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อทำการกำจัดหรือจัดเก็บสารเคมีที่เกิดการรั่วไหล
สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน มีจำนวนมากที่มีอันตราย ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งโดยการสัมผัส, การรับประทาน หรือการสูดดม หากใช้ไม่ถูกวิธี และไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานสารเคมีนั้นๆ อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งมีข้อแนะนำเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น มีวิธีปฐมพยาบาลผู้ได้รับอันตรายจากสารเคมีในเบื้องต้น ก่อนนำส่งสถานพยาบาลดังนี้
หากสารเคมีสัมผัสโดนผิวหนัง ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดสารเคมีนั้นออกจากผิวหนัง และรีบล้างออกทันทีด้วยการล้างน้ำสะอาดในลักษณะไหลผ่านบริเวณที่ถูกสารเคมีอย่างน้อย 15 นาที หรือทำการถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนสารเคมีออก และให้ทำการอาบน้ำ ชำระร่างกายด้วยการฟอกสบู่และน้ำจำนวนมากๆ เพื่อเจือจางสารเคมีที่ได้รับจากการสัมผัส
หากกระเด็นโดนดวงตา ให้รีบล้างออกโดยพยายามลืมตาโดยให้น้ำไหลผ่านอย่างน้อย 15 นาที และระวังไม่ให้น้ำที่ไหลผ่านกระเด็นหรือไหลไปโดนดวงตาอีกข้างหนึ่ง ห้ามขยี้ตา หรือใช้แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาล้างตาอย่างเด็ดขาด ซึ่งอาจจะทำให้ระคายเคืองมากขึ้น หลังจากทำความสะอาดเสร็จให้ใช้ผ้าก๊อซปิดดวงตาและนำส่งแพทย์
หากสูดดมเข้าไป ให้รีบนำผู้ที่ได้รับสารเคมีออกไปอยู่ในที่โล่งแจ้ง และมีอากาศถ่ายเทสะดวก โดยต้องอยู่ทางด้านเหนือลม ห่างจากที่เกิดเหตุไม่ต่ำกว่า 100 เมตร หรือถ้าเคลื่อนย้ายไม่ได้ให้ทำการเปิดประตูหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศและลดความเข้มข้นของสารเคมีที่รั่วไหล ถ้ามีการหายใจไม่สะดวก ให้ใช้การผายปอดเพื่อกระตุ้นระบบทางเดินหายใจ และรีบนำส่งแพทย์ให้เร็วที่สุด
หากมีการรับประทานเข้าไป ให้ปฐมพยาบาลด้วยการทำให้อาเจียน แต่ต้องแน่ใจว่าผู้ประสบเหตุจะต้องไม่ได้รับสารพิษที่เป็นกรด เพราะการทำให้อาเจียนจะทำให้ทางเดินอาหารและอวัยวะต่างๆได้รับสารพิษมากขึ้น แต่หากตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้เป็นสารเคมีที่เป็นกรด ให้ทำการล้วงคอเพื่อให้อาเจียน แล้วให้ดื่มนม หรือกินไข่ขาว หรือน้ำเปล่าทันที ซึ่งจะช่วยลดอัตราการดูดซึมสารเคมีของร่างกายได้ แต่ห้ามทำในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ หรือไม่รู้สึกตัว เพราะการกลืนอาหารโดยไม่รู้สึกตัวจะทำให้อาหารไปติดในหลอดลมทำให้เสียชีวิตได้
ผู้ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับอันตรายจากการได้รับสารพิษ ควรสังเกตสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุว่ามีความปลอดภัยเพียงพอ ก่อนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ หรือปฐมพยาบาล รวมทั้งต้องทำการซักถามผู้ที่อยู่ในเหตการณ์ หรือผู้พบผู้ประสบเหตุเป็นคนแรก และอย่าลืมสังเกตภาชนะที่บรรจุสารพิษที่ตกหล่นในบริเวณ หรือคราบของสารเคมีที่ติดอยู่ตามร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งสามารถสังเกตได้จากกลิ่นของสารเคมีที่พบ กับกลิ่นจากลมหายใจของผู้ประสบเหตุ
ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย