บทความ

คาร์บอนเครดิต
18/07/2022

คาร์บอนเครดิต
18/07/2022

คาร์บอนเครดิต

คาร์บอนเครดิต คืออะไร
คาร์บอนเครดิตเปรียบเสมือนสินค้าที่แต่ละบริษัทได้มาจากการทำกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกต้นไม้ การปลูกต้นไม้เพิ่มสีเขียว นอกจากจะส่งเสริมรายได้ชุมชนจากการที่โรงงานจ้างปลูกแล้ว ยังช่วยในการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ ผู้ขายจะใช้วิธีการวัดขนาดต้นไม้ ความสูง ความกว้าง เส้นรอบวง ต่าง ๆ ของต้นไม้และนำข้อมูลทั้งหมดไปให้ อบก. (องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)) เป็นผู้คำนวนคาร์บอนเครดิตที่ได้จากต้นไม้เหล่านี้ให้ หลังจากนั้นบริษัทอุตสาหกรรมนั้นจะได้ใบรับรองในการซื้อหรือขายคาร์บอนเครดิตที่ตนผลิตได้ เผื่อนำไปขายในอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องการคาร์บอนเครดิต

อุตสาหกรรมต้องการคาร์บอนเครดิตเพราะอะไร
เพราะมันคือเครดิตที่เป็นเสมือนเป็นกรรมสิทธิ์ให้โรงงานที่ซื้อไปมีสิทธิในการปล่อยก๊าซในกระบวนการผลิตของตนเพิ่ม หลังมีความจำเป็นต้องปล่อยเพิ่มมากกว่าโควตาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิที่ได้รับ ประเทศผู้ผลิตคาร์บอนเครดิตได้ดังกล่าวจะสามารถทำการซื้อหรือขายกับประเทศผู้ผลิตอื่น ๆ ได้ด้วย

หลายประเทศที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่เป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศจำนวนมาก ในบางครั้งการผลิตอาจไม่เพียงพอในปริมาณที่ถูกกำหนดไว้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขอเครดิตในการปล่อยก๊าซเพิ่ม นั่นคือการไปซื้อคาร์บอนเครดิตของผู้ผลิตดังกล่าว เพื่อให้โรงงานของตนสามารถปล่อยก๊าซได้เพิ่มขึ้น แต่อยู่ในขอบเขตที่รัฐกำหนดไว้เท่านั้น

ตลาดคาร์บอนเครดิตคืออะไร
Carbon Market เป็นสถานที่หรือชุมชนที่ไว้ใช้แลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งก็คือ คาร์บอนเครดิต กับผู้ซื้อหรือผู้ขาย หรือกับบุคคลอื่น ๆ ที่มีความต้องการเครดิต ตลาดคาร์บอนถูกจัดขึ้นเพื่อมุ่งสู้เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ นอกจากนี้ ตลาดคาร์บอนยังเป็นตัวกลางในการดำเนินการซื้อขายคาร์บอน ที่สามารถส่งผลถึงการประสบความสำเร็จทางอ้อมของการกำหนดราคาสินค้าบนพื้นฐานที่ต้องคำนึงถึงปริมาณการปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ

ตลาดคาร์บอนเครดิต แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

1.ตลาดคาร์บอนทางการหรือภาคบังคับ (Mandatory Market / Compliance Market / Regulated Market)
หน่วยงานรัฐจะเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้กำหนดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่สิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ตลาดนี้จะอยู่ในต่างประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นส่วนใหญ่ หรือประเทศมีรายได้ปานกลางไปจนสูง โดยมีเป้าในการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน (Joint Implementation : JI) ซึ่งปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงในโครงการ JI จะเรียกว่า Emission Reduction Units (ERUs) มีค่าเท่ากับ 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และเนื่องจากกรณีของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ปริมาณก๊าซเรือนกระจกจะต้องควบคุมตามกลไกที่เรียกว่า ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการจัดสรรและอนุญาตให้ปล่อย (assigned amounts units : AAUs) ซึ่งจะจัดสรรการซื้อขายคาร์บอนระหว่างประเทศได้อย่างตรงจุดและเป็นธรรม และเป็นไปตามพันธกรณี

ยกตัวอย่าง ตลาด EU Emission Trading Scheme (EU ETS) ของสหภาพยุโรปที่จัดตั้งขึ้นในปี 2005 เพื่อรองรับกลไกพิธีสารเกียวโตระหว่างปี 2008-2012 ด้วยการกำหนดระบบการค้าคาร์บอนแบบ ‘Cap and Trade’ หรือก็คือ มีการกำหนดเพดานการลดก๊าซเรือนกระจกและจัดสรรสิทธิ์ในการปล่อยก๊าซ โดยอนุญาตให้ปล่อยได้ในอุตสาหกรรมปลายน้ำได้แก่ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การผลิตพลังงานไฟฟ้า กระดาษและเยื่อกระดาษ ซีเมนต์และกระจก และอุตสาหกรรมจำพวกเหล็ก

2.ตลาดแบบสมัครใจ (Voluntary Market)
ประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในตลาดนี้ เนื่องจากยังมีผู้ซื้อผู้ขายไม่มากพอ การซื้อขายคาร์บอนเครดิตในตลาดนี้จะเรียกว่า Verified Emission Reductions (VERs) สมาชิกในตลาดนี้ไม่สามารถขอใบรับรองจากหน่วยงานกลางเจ้าของโครงการ หรือคณะกรรมการกลางอย่าง UNFCCC ได้ แต่ละโรงงานหรืออุตสาหกรรมจะไม่ได้ถูกเคร่งมากนัก ใครอยากทำขายก็ได้ตามความสมัครใจ แต่เราจะมีตัวกลางในการคำนวนและออกใบรับรองให้คือ อบก. หรือ องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นผู้ดูแลให้กับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในไทย

คาร์บอนเครดิตหาได้จากที่ไหน
คาร์บอนเครดิตสามารถได้จากการปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งหากสังเกตดี ๆ หลายอุตสาหกรรมเริ่มมีนโยบาย กิจกรรมอาสาต่าง ๆ ในการลุยปลูกป่าหรือกิจกรรมรักษาสิ่งแวดล้อม นี่แหละคือแหล่งกำเนิดคาร์บอนเครดิต

ยกตัวอย่าง บริษัทหนึ่งจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ในพื้นที่หลายไร่ ลองคำนวณดูก่อนสัก 1 ไร่ 1ไร่นี้มีต้นไม้กี่ต้นที่เป็นไม้ยืนต้น มีความสูงเท่าไหร่ กว้างเท่าไหร่ เส้นรอบวงเท่าไหร่ เป็นต้น ส่งข้อมูลทั้งหมดนี้ให้กับอบก.คำนวนคาร์บอนเครดิตให้ รวมไปถึงขอใบรับรองด้วย ว่าเราได้คาร์บอนเครดิตของไร่นี้เท่าไหร่ และเราจะขายเท่าไหร่ โดยมีใบรับรองจากอบก.ว่าเราสามารถขายได้ เป็นต้น

ราคาขายคาร์บอนเครดิตปัจจุบันอยู่ที่เท่าไหร่
ในตลาดของโครงการ Verified Emission Reductions (VERs) ตอนนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 120 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยจะอยู่ที่ 231,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (ข้อมูลอัพเดตปี พ.ศ.2565)

ที่มา : https://www.springnews.co.th/